ซิฟิลิส รักษาหายได้ก่อนรุนแรง ปล่อยไว้อาจเสี่ยงเสียชีวิต
ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย แม้กระทั่งในช่วงวัยรุ่น ที่หลายคนอาจรู้สึกกังวลใจและอาย แต่หากตรวจพบและรักษาอย่างรวดเร็วก็จะหายขาดได้ อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุด คือ การป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เช่น การสวมถุงยางอนามัย การไม่มีคู่นอนหลายคน รวมถึงระมัดระวังในการเลือกคู่นอนหรือสังเกตความผิดปกติด้านสุขภาพร่างกายของคู่นอน ที่สำคัญควรตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างเป็นประจำ ฯลฯ แต่วิธีการต่าง ๆ ดังกล่าวอาจจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซิฟิลิสได้ 100% ดังนั้น เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซิฟิลิสหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรรีบตรวจเพื่อยืนยันสถานะการติดเชื้อ เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ซิฟิลิสคืออะไร ติดต่อได้อย่างไร ?
ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจจะทำให้เชื้อลุกลามและเกิดโรคแทรกซ้อนต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายตามมา และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในท้ายที่สุด
ซิฟิลิสติดต่อทางใดได้บ้าง ?
- การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกัน ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก เชื้อจะติดต่อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลเล็ก ๆ หรือบริเวณเยื่อบุที่อ่อนแอ
- การสัมผัสกับแผลซิฟิลิส เป็นการสัมผัสโดยตรงกับแผลหรือรอยโรคที่มีเชื้อโดยตรง เช่น บริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือมือ
- การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์สามารถแพร่เชื้อไปยังทารกผ่านทางรกหรือจากการคลอด ทำให้ลูกติดเชื้อซิฟิลิสได้
- การใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ปนเปื้อน เป็นการติดต่อผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันหรือผ่านอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม
ใครคือกลุ่มเสี่ยง
ผู้ที่เป็นโรคซิฟิลิสส่วนใหญ่จะติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากกว่ารูปแบบอื่น และสามารถเป็นได้ตั้งแต่กำเนิดจากการส่งต่อของผู้เป็นแม่ที่เป็นซิฟิลิส โดยองค์การอนามัยโลกพบว่าในปี 2022 คนอายุ 15-40 ปีป่วยเป็นโรคนี้กว่า 8 ล้านคนทั่วโลก โดยมีกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
- ผู้ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
อาการของโรคซิฟิลิส
อาการของโรคซิฟิลิสสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้
- ระยะที่ 1 จะเริ่มมีอาการหลังจากที่รับเชื้อประมาณ 21 วัน โดยจะมีแผลเล็ก ๆ ที่เรียกว่าเริมแข็ง บริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือว่าปาก ซึ่งจะไม่มีอาการเจ็บที่แผล และจะหายไปเองใน 3-6 สัปดาห์
- ระยะที่ 2 เริ่มมีผื่นบริเวณลำตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจจะกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงอาจมีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องภาวะของโรคจะเข้าสู่ระยะแฝง ที่ไม่มีอาการของโรคแสดงให้เห็น
- ระยะแฝง อย่างที่บอกไปว่า เป็นระยะที่ไม่มีอาการใด ๆ แต่ยังมีเชื้ออยู่ในร่างกาย และสามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่เชื้อกลับมาแสดงตัวอีกครั้ง ที่อาจร้ายแรงจนมีผลกระทบต่อระบบประสาทและสมอง หัวใจ กระดูก และข้อต่อต่าง ๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เสียชีวิตได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรค
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV มากกว่าคนทั่วไป 2 เท่า
- ทำให้ตาบอด หูหนวก หรือรูปหน้าเปลี่ยนแปลงไป
- เสี่ยงต่ออัมพฤกษ์และอัมพาต
- เสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลว และเสี่ยงเสียชีวิตได้
การตรวจวินิจฉัยโรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิส เป็นโรคที่มีทั้งช่วงที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ ผู้ติดเชื้อบางคนไม่รู้ตัวว่าตนเองป่วย ซึ่งการวินิจฉัยสามารถทำได้โดยการตรวจเลือด ดังนี้
- เจาะเลือดหาแอนติบอดี หรือ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้น ถ้าผลเป็นลบแสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่หากเป็นบวกต้องตรวจยืนยันผลอีกครั้งหนึ่ง
- ตรวจยืนยันผลการติดเชื้อซิฟิลิส TPPA (Treponema Pallidum Particle Agglutination) ที่มีความแม่นยำมากกว่า
ซิฟิลิส รักษานานไหม มีแนวทางการรักษาอย่างไร ?
การรักษาโรคซิฟิลิสในระยะแรกใช้เวลาไม่นาน โดยแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพนิซิลลินในการรักษา และติดตามอาการเป็นระยะ และจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายดี หรือหากตรวจแล้วไม่พบเชื้อ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และป้องกันการติดเชื้อครั้งใหม่หรือเชื้อ STDs ตัวใหม่ระหว่างการรักษา ซึ่งทำให้การรักษาไม่มีประสิทธิภาพหรือทำให้ระยะเวลาในการรักษายาวนานขึ้น
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยง
การป้องกันโรคสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- สวมถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพราะมีความเสี่ยงที่จะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะหากเข้าข่ายมีความเสี่ยง
- สำหรับสตรีมีครรภ์ควรตรวจหาเชื้อซิฟิลิสทุกครั้ง และทำการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก
คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับโรคซิฟิลิส
ซิฟิลิสสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?
ได้ หากตรวจพบเร็วและรักษาอย่างเหมาะสม โรคนี้สามารถหายขาดได้ ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินพอดี
หากไม่ได้รับการรักษา จะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?
ใช่ หากโรคเข้าสู่ระยะที่ 3 อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อหัวใจ สมอง และอวัยวะอื่น ๆ จึงควรเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ หากมีอาการ หรือเข้ารับการตรวจวินิจฉัยหากพบว่ามีความเสี่ยง
ซิฟิลิสในผู้ชายและผู้หญิงมีอาการต่างกันอย่างไร ?
ในระยะแรก อาการอาจแตกต่างกันที่ตำแหน่งของแผลที่เกิดโรค โดยผู้หญิงจะมีตุ่มขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ มีฝ้าขาวที่ลิ้น รวมถึงมีตกขาวร่วมด้วย ส่วนผู้ชายจะเป็นแผลบริเวณที่หัวของอวัยวะเพศ รอบถุงอัณฑะ ขาหนีบ และบริเวณทวารหนัก แต่ในระยะที่ 2 และระยะรุนแรง (ระยะที่ 3) อาการจะคล้ายกัน คือ เริ่มมีผื่นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และอาจมีไข้ร่วมด้วย
ตรวจซิฟิลิสที่ ReadyCheckGo ก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน
หากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่ได้สวมถุงยาง หรือสงสัยว่าคู่นอนติดเชื้อซิฟิลิส อย่านิ่งนอนใจ ให้ตรวจซิฟิลิสเพื่อความมั่นใจ แม้ไม่มีอาการ หากตรวจพบเชื้อในระยะแรก และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง และช่วยป้องกันโรคที่อาจลุกลามในอนาคต นัดหมายกับแพทย์ที่ ReadyCheckGo ได้เลยวันนี้ สามารถเลือกตรวจได้ทั้งแบบนิรนามที่สาขาสีลม, ทองหล่อ, สมุย หรือตรวจที่บ้าน (เฉพาะในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง)
ข้อมูลอ้างอิง
- รู้เท่ากัน ป้องกันโรคซิฟิลิส. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จาก https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/syphilis
- Syphilis. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จาก https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/syphilis
simple & private under medical standard
Express STDs
test & treat in Bangkok
No need to go to hospital, you can get
Then, receive your online results!
Prioritize privacy with our anonymous STD testing service.
Open to all with enthusiastic staff catering to diverse genders and ethnicities.
Silom branch
Near BTS Chong-nontri
Sukhumvit branch
BTS Thong-lo (Exit 3)
บทความที่น่าสนใจ
ซิฟิลิส รักษาหายได้ก่อนรุนแรง ปล่อยไว้อาจเสี่ยงเสียชีวิต
เมื่อมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกัน หรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เสี่ยงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับยาเป๊ป (PEP) หรือยาป้องกัน HIV ฉุกเฉิน
เชื้อ HPV คืออะไร ? ทำไมจึงควรรักษาและป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ
เชื้อเอชพีวีมีหลายสายพันธุ์และหลากหลายชนิด และมีบางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งยังเป็นสาเหตุต้น ๆ ของการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยด้วย
เริมเกิดจากอะไร รู้เท่าทัน ป้องกัน รักษาอย่างตรงจุด
เริม (Herpes Simplex) มีอยู่ 2 ชนิดหลักคือ HSV-1 มักทำให้เกิดเริมที่ปาก และ HSV-2 มักทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศ เข้าใจสาเหตุ เพื่อป้องกันอย่างถูกวิธี
หนองใน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ต้องรักษาก่อนลุกลาม
โรคหนองใน ปล่อยเอาไว้ไม่รักษาอาจมีอาการแทรกซ้อนมากกว่าที่คิด ตั้งแต่มีบุตรยาก เป็นหมัน ไปจนถึงการติดเชื้อในกระแสเลือด นัดหมายแพทย์ก่อนสายไป
ความแตกต่างระหว่างโรคเอดส์และการติดเชื้อ HIV
หลายคนอาจเข้าใจว่า ผู้ติดเชื้อ HIV คือการป่วยเป็นโรคเอดส์ แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 ภาวะนี้มีความแตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจ พร้อมวิธีป้องกันมาแนะนำ